พบกับวิเคราะห์ GBPUSD ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค อีกทั้งแนวทางในการเข้าออกออเดอร์ ไปจนถึงคำแนะนำเกี่ยวกับการเทรดคู่เงินแบบละเอียด เรียกได้ว่าครบจบในบทความเดียว!
บทวิเคราะห์ Forex วันนี้ : คู่เงิน GBPUSD
บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐาน
รัฐบาลสหราชอาณาจักรเริ่มต้นปีงบประมาณ 2025/26 ด้วยการกู้ยืมที่สูงกว่าที่คาดไว้มากทีเดียวค่ะ การกู้ยืมสุทธิของภาครัฐในเดือนเมษายนพุ่งแตะระดับ 20.2 พันล้านปอนด์ สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 17.9 พันล้านปอนด์ ตัวเลขที่สูงเกินคาดแบบต่อเนื่องนี้สะท้อนถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นต่อการคลังของประเทศ โดยเฉพาะก่อนการทบทวนงบประมาณระยะยาวครั้งแรกของรัฐมนตรีการคลัง Rachel Reeves ที่จะมีขึ้นในวันที่ 11 มิถุนายนนี้ค่ะ
เงินเฟ้อในสหราชอาณาจักรพุ่งขึ้นในเดือนเมษายน สู่ระดับสูงสุดในรอบกว่าหนึ่งปี โดยเพิ่มขึ้นเป็น 3.5% เมื่อเทียบรายปี จาก 2.6% ในเดือนมีนาคม ซึ่งสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางอังกฤษ และเกินกว่าที่ตลาดคาดไว้ โดยปัจจัยหลักที่ผลักดันการเพิ่มขึ้นนี้ ได้แก่ ค่าตั๋วเครื่องบินช่วงอีสเตอร์ที่พุ่งสูงขึ้น ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่แพงขึ้น ภาษีเงินเดือน และการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เงินเฟ้อในภาคบริการซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญของแรงกดดันภายในประเทศก็ขยับขึ้นเป็น 5.4% ซึ่งถือว่าสูงสุดในรอบหลายสิบปี จนสร้างความกังวลให้กับทั้งธนาคารกลางอังกฤษและนักวิเคราะห์ค่ะ
ธนาคาร Barclays และ Deutsche Bank ได้ปรับประมาณการเงินเฟ้อขึ้น โดย Barclays คาดว่า CPI จะพีคที่ 3.5% ในเดือนกันยายน ส่วน Deutsche Bank ประเมินว่า CPI จะเฉลี่ยที่ 3.3% ในปี 2025 ลดลงเป็น 2.4% ในปี 2026 และจะเข้าสู่เป้าหมายในปี 2027 ค่ะ
ฝั่งภาคเอกชน ภาพของการขึ้นค่าแรงยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ทำให้ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อคลายลงบ้างค่ะ จากข้อมูลของ Brightmine พบว่า การปรับขึ้นเงินเดือนเฉลี่ยยังคงอยู่ที่ 3% ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 5 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 2021 โดยเกือบครึ่งหนึ่งของบริษัทเสนอการปรับขึ้นต่ำกว่าระดับนี้ และนายจ้างยังคงระมัดระวังเนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการจ่ายประกันสังคมและค่าแรงขั้นต่ำค่ะ
ทั้งนี้ เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรซึ่งฟื้นตัวแรงในไตรมาสแรก เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลง ดัชนี PMI รวมขยับขึ้นเล็กน้อยในเดือนพฤษภาคม บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอาจผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในเดือนเมษายน อย่างไรก็ดี ภาคการผลิตยังคงอ่อนแอ การปลดพนักงานในโรงงานสูงสุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินโลก ขณะที่ภาคบริการมีการเติบโตเพียงเล็กน้อย
นักเศรษฐศาสตร์ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของ GDP สหราชอาณาจักรในปี 2025 เล็กน้อยจาก 0.9% เป็น 1.0% โดยให้เหตุผลว่าได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นทางการคลังและรายได้จริงที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากความตึงเครียดทางการค้าโลกและภาระภาษีในประเทศยังคงมีอยู่ ธนาคารกลางอังกฤษคาดว่าจะลดดอกเบี้ยอย่างระมัดระวัง โดยคาดว่าจะมีอีก 2 ครั้งในเดือนสิงหาคมและพฤศจิกายนค่ะ
ด้านความเชื่อมั่นของผู้บริโภคดีขึ้นเล็กน้อยในเดือนพฤษภาคม ซึ่งอาจเป็นผลจากความตึงเครียดทางการค้าที่ผ่อนคลายลง และความคาดหวังเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง อย่างไรก็ดี ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจยังคงเปราะบาง ท่ามกลางความไม่แน่นอนเรื่องอุปสงค์ในอนาคตและแรงกดดันเงินเฟ้อที่ไม่จางหายค่ะ
ในทางตรงกันข้าม ตลาดที่อยู่อาศัยของสหราชอาณาจักรกลับแสดงสัญญาณความแข็งแกร่ง ราคาบ้านเพิ่มขึ้น 6.4% เทียบรายปีถึงเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นเร็วที่สุดนับตั้งแต่ธันวาคม 2022 ค่าเช่าภาคเอกชนในเดือนเมษายนก็เพิ่มขึ้น 7.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน แม้จะชะลอลงจากเดือนมีนาคมเล็กน้อย โดยการสิ้นสุดของมาตรการลดหย่อนภาษีชั่วคราวอาจเร่งให้เกิดความต้องการล่วงหน้า แต่สัญญาณล่าสุดก็เริ่มบ่งชี้ถึงการชะลอตัวค่ะ
ด้านเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นในวันพฤหัสบดี หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ มีมติเห็นชอบร่างกฎหมายภาษีและงบประมาณฉบับใหญ่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ค่ะ แม้มาตรการนี้จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับตลาดในระยะสั้น แต่สำนักงานงบประมาณรัฐสภา (CBO) ประเมินว่า กฎหมายนี้จะทำให้หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึง 3.8 ล้านล้านดอลลาร์ภายใน 10 ปีข้างหน้า ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงในระยะยาวที่ต้องจับตาค่ะ
ทั้งนี้ กิจกรรมทางธุรกิจของสหรัฐฯ ฟื้นตัวขึ้นในเดือนพฤษภาคม ส่วนหนึ่งมาจากการพักรบทางการค้าชั่วคราวกับจีน โดยดัชนี PMI รวมจาก S&P Global (Flash Composite PMI) ปรับขึ้นจาก 50.6 เป็น 52.1 สะท้อนถึงการขยายตัวของภาคเอกชนค่ะ
อย่างไรก็ตาม แรงกดดันด้านเงินเฟ้อและสัญญาณอ่อนตัวของตลาดแรงงานยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะในภาคบริการ เช่น การท่องเที่ยวและสายการบิน ที่ยังได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรและนโยบายตรวจคนเข้าเมืองของประธานาธิบดีทรัมป์ค่ะ
ข้อมูลจาก JPMorgan Chase Institute ยังชี้ว่า รายได้ที่แท้จริงเริ่มชะลอตัวลง โดยเฉพาะในกลุ่มแรงงานรายได้น้อยที่เคยได้รับประโยชน์หลังวิกฤตโควิด-19 แต่ตอนนี้อัตราเงินเฟ้อ ซึ่งรุนแรงขึ้นจากนโยบายภาษีนำเข้า ได้กัดกินกำลังซื้อ แม้ว่าอัตราการจ้างงานจะยังทรงตัวอยู่ก็ตามค่ะ
ด้านตลาดแรงงาน ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลงเล็กน้อย เหลือ 227,000 ราย สะท้อนการจ้างงานที่ยังขยายตัวต่อเนื่องอยู่ แต่ก็มีนักเศรษฐศาสตร์บางส่วนเตือนว่า อาจมีการปลดพนักงานตามมา โดยเฉพาะในภาคราชการ เนื่องจากมาตรการลดต้นทุนของทรัมป์ และแผนการปรับลดขนาดหน่วยงาน
ในภาคอสังหาริมทรัพย์ ยอดขายบ้านมือสองในเดือนเมษายนลดลง 0.5% แม้อัตราดอกเบี้ยจำนองจะลดลงและอุปทานบ้านจะเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ โดย Moody’s และการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยที่ขับเคลื่อนด้วยนโยบายการคลัง ทำให้ผู้ซื้อเริ่มชะลอการตัดสินใจ ยอดขายในเดือนเมษายนจึงลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2009 ขณะที่สต๊อกบ้านสะสมเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เริ่มเสนอส่วนลดมากขึ้นค่ะ
บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิค

ล่าสุดค่าเงินปอนด์เทียบดอลลาร์ (GBPUSD) ได้รับแรงหนุนจากปัจจัยเฉพาะของสหราชอาณาจักร ทั้งด้านเงินเฟ้อและนโยบายการคลัง ประกอบกับสัญญาณที่เปลี่ยนแปลงของนโยบายการเงินและการคลังฝั่งสหรัฐฯ เมื่อพิจารณาทั้งในมุมพื้นฐานและทางเทคนิคแล้ว คู่เงินนี้ยังมีแนวโน้มขาขึ้นต่อในระยะกลาง แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากเหตุการณ์เฉพาะหน้าจากทั้งสองฝั่งที่อาจส่งผลต่อทิศทางในระยะสั้นได้ค่ะ
จากมุมมองด้านกราฟเทคนิค ค่าเงินปอนด์ได้ทะลุแนวต้านสำคัญที่ 1.3400 ขึ้นมาแล้ว ซึ่งตอนนี้ระดับนี้ได้กลายเป็นแนวรับระยะสั้นแทนค่ะ ตัวชี้วัดโมเมนตัมอย่าง RSI และ MACD บนกราฟรายวันยังคงอยู่ในโซนบวก แต่ก็เริ่มมีสัญญาณของการปรับตัวขึ้นแรงเกินไปในระยะสั้นค่ะ
ทั้งนี้ แนวต้านแรกจะอยู่ที่ 1.3485 ถัดไปคือ 1.3560 ขณะที่แนวรับสำคัญอยู่ที่ 1.3400 และ 1.3280 โดยหากราคาหลุด 1.3280 ลงมา ก็อาจมีแรงเทขายลงไปทดสอบ 1.3170 ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ย 200 วัน โดยหากราคาปิดรายสัปดาห์เหนือระดับ 1.3485 ได้สำเร็จ ก็จะยืนยันการทะลุกรอบสะสมระยะกลาง และเปิดทางให้ขึ้นต่อสู่โซน 1.3620–1.3700 ในช่วงไตรมาส 3 ได้ค่ะ
📍ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค
- แนวรับสำคัญ : 1.3438, 1.3418, 1.3398
- แนวต้านสำคัญ : 1.3471, 1.3493, 1.3514
ข่าวเศรษฐกิจสำคัญที่ส่งผลต่อคู่เงิน GBPUSD

ที่มา : Forexfactory

⭐ คุณน้าแนะนำโบรกเกอร์คุณสมบัติเด่น!
การเลือกโบรกเกอร์ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ สำหรับการเทรด Forex ค่ะ
เพราะโบรกเกอร์จะพัฒนาระบบและเครื่องมือต่าง ๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้การเทรดของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นให้ได้มากที่สุด
สำหรับเทรดเดอร์ที่ยังไม่มั่นใจว่า โบรกเกอร์ Forex แบบไหนดี?
คุณน้าได้รวบรวมการจัดอันดับของโบรกเกอร์ในทุกคุณสมบัติ เช่น สเปรดต่ำ, เทรดทอง หรือโบนัสฟรี

💡 คัมภีร์เริ่มต้น มือใหม่หัดเทรด
มือใหม่หัดเทรดที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี? คุณน้าได้รวบรวมเนื้อหาสำคัญที่ถือเป็นจุดเริ่มต้น สำหรับการเทรด Forex มาไว้ให้แล้วที่นี่!
🔍 ตัวอย่างเนื้อหา มือใหม่หัดเทรดต้องรู้!
สรุปวิเคราะห์ GBPUSD
จุดน่าเข้า Buy
- Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.3358 – 1.3438 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 1.3438 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3471 และ SL ที่ประมาณ 1.3318 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Buy/ Long 2 : หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3471 – 1.3551 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3568 และ SL ที่ประมาณ 1.3398 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
จุดน่าเข้า Sell
- Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3471 – 1.3551 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้าน 1.3471 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3438 และ SL ที่ประมาณ 1.3591 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
- Sell/ Short 2 : หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 1.3358 – 1.3438 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3340 และ SL ที่ประมาณ 1.3511 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
คำเตือน
การให้ข้อมูลการวิเคราะห์คู่เงิน Forex ทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค เป็นเพียงการให้ความรู้เกี่ยวกับข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาชักชวนในการลงทุนแต่อย่างใด เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจการลงทุน
สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers
บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing
คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge