วิเคราะห์ USDCAD ดูแนวโน้มราคาล่าสุด วันที่ 18 มิถุนายน 2025

พบกับวิเคราะห์ USDCAD ที่สายเทรดสั้นห้ามพลาด การวิเคราะห์คู่เงิน Forex ดูแนวโน้มราคาล่าสุด สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค อีกทั้งแนวทางในการเข้าออกออเดอร์ ไปจนถึงคำแนะนำเกี่ยวกับการเทรดคู่เงินแบบละเอียด เรียกได้ว่าครบจบในบทความเดียว!

บทวิเคราะห์ Forex วันนี้ : คู่เงิน USDCAD

บทวิเคราะห์ภาพรวมปัจจัยพื้นฐาน

ในการประชุมที่ผ่านมา ธนาคารกลางแคนาดา (BoC) ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.75% โดยส่งสัญญาณความระมัดระวังท่ามกลางแรงกดดันเงินเฟ้อพื้นฐานที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งล่าสุดอยู่ที่ 2.3% แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนเมษายนจะลดลงเหลือ 1.7% ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปรับภาษี แต่ BoC ก็แสดงความกังวลว่าแรงกดดันด้านราคาอาจยืดเยื้อกว่าที่เคยคาดไว้ ท่ามกลางต้นทุนวัตถุดิบและต้นทุนการผลิตของภาคธุรกิจที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้น โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีและการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานด้านการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งยังส่งผลต่อเนื่อง ขณะที่ผู้กำหนดนโยบายยอมรับว่าผลกระทบจากมาตรการภาษีตอบโต้ยังไม่สะท้อนออกมาในข้อมูลอย่างชัดเจน และอาจตรวจสอบได้ยากขึ้นในระยะถัดไป และแม้ว่า BoC จะยังไม่ตัดโอกาสในการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม แต่ท่าทีของธนาคารยังคงอยู่ในโหมด “รอดูท่าที”  ท่ามกลางความไม่แน่นอนทั้งด้านเงินเฟ้อและสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ค่ะ

ขณะเดียวกัน ทัศนคติของประชาชนในแคนาดาต่อมาตรการภาษีตอบโต้ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป จากผลสำรวจของ Bloomberg/Nanos พบว่า แม้ยังมีชาวแคนาดากว่า 70% ที่สนับสนุนมาตรการภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ แต่ตัวเลขนี้ลดลงจากระดับเกือบ 80% เมื่อต้นปี ซึ่งเป็นผลจากการที่นายกรัฐมนตรี Mark Carney ตัดสินใจยกเลิกมาตรการตอบโต้บางส่วน สะท้อนถึงความกังวลของประชาชนต่อภาระทางเศรษฐกิจที่มาจากความตึงเครียดด้านการค้าค่ะ

ในส่วนของภาวะต่างประเทศของแคนาดาก็เริ่มส่งสัญญาณตึงตัวมากขึ้น ตำแหน่งสินทรัพย์ต่างประเทศสุทธิของประเทศลดลงถึง 103.2 พันล้านดอลลาร์แคนาดาในไตรมาสแรกของปี 2025 ซึ่งเป็นการพลิกกลับจากแรงส่งบวกในช่วงปลายปี 2023 โดยสาเหตุหลักเกิดจากการลดลงของมูลค่าหลักทรัพย์สหรัฐฯ ที่แคนาดาถืออยู่ ซึ่งร่วงลงถึง 4.6% แม้ว่าตลาดหุ้นในแคนาดาจะปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่สามารถชดเชยการขาดทุนจากสินทรัพย์ในสหรัฐฯ ได้ทั้งหมด ขณะที่การเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนช่วยลดแรงกระแทกได้เพียงบางส่วนเท่านั้น โดยปัจจุบัน หนี้ต่างประเทศรวมของแคนาดาอยู่ที่ 4.65 ล้านล้านดอลลาร์แคนาดา หรือประมาณ 146.5% ของ GDP โดยหนี้ส่วนใหญ่มาจากภาครัฐและภาคการเงิน ส่วนดุลสินทรัพย์สุทธิกับสหรัฐฯ ก็ลดลงอย่างมากถึง 177.8 พันล้านดอลลาร์ สะท้อนถึงความผันผวนในตลาดทุนและการถดถอยของกระแสการลงทุนค่ะ

ด้านในประเทศ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของแคนาดายังคงส่งสัญญาณแบบผสม ยอดขายบ้านในเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 3.6% เมื่อเทียบรายเดือน แต่ยังต่ำกว่าระดับเมื่อปีก่อนอยู่ 4.3% ดัชนีราคาบ้านทรงตัวจากเดือนเมษายน แต่เมื่อเทียบรายปีลดลง 3.5% ขณะที่ราคาบ้านเฉลี่ยลดลง 1.8% และโครงการเริ่มก่อสร้างบ้านยังคงทรงตัว โดยมีการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในโครงการประเภทอาคารหลายหน่วยในเขตเมือง แต่ถูกหักล้างด้วยการชะลอตัวของบ้านเดี่ยว ซึ่งโดยรวมแล้ว โครงการก่อสร้างที่เริ่มขึ้นในรอบปีอยู่ที่ 279,510 หน่วย แม้จะลดลงจากเดือนเมษายนเล็กน้อย แต่ก็ยังสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ค่ะ

ในอีกด้านหนึ่ง เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับภาวะชะลอตัวในวงกว้าง การสะสมสินค้าคงคลังซึ่งเคยช่วยเพิ่ม GDP ไตรมาสแรกถึง 2.25% เริ่มทรงตัว ขณะที่ยอดขายปลีกในเดือนพฤษภาคมลดลง 0.9% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ สะท้อนถึงความอ่อนแอในการใช้จ่ายด้านรถยนต์และเชื้อเพลิง แม้รายได้จากค่าจ้างจะช่วยพยุงอุปสงค์บางส่วน และยอดค้าส่งเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ท่ามกลางสินค้าคงคลังภาคโรงงานที่ลดลง 0.1% และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพฤษภาคมหดตัว 0.2% ทำให้การใช้กำลังการผลิตลดลงเหลือ 77.4% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนมกราคม ด้านความเชื่อมั่นผู้บริโภคมีการปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน โดยได้แรงหนุนจากความหวังว่าความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนอาจผ่อนคลายลงค่ะ

ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีแนวโน้มจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมช่วงกลางเดือนมิถุนายนนี้ แม้ตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดจะไม่สูงนัก แต่ Fed ยังไม่ไว้วางใจ ขณะที่มีประเด็นเพิ่มเติมเรื่องการลดกฎเกณฑ์ เช่น การผ่อนคลายเกณฑ์เลเวอเรจเสริมสำหรับธนาคารขนาดใหญ่ที่อาจเข้าสู่วาระการพิจารณา ตลาดจึงให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดต่อถ้อยแถลงของประธาน Fed Jerome Powell เพื่อจับทิศทางนโยบายในอนาคตค่ะ

สำหรับแนวโน้มของคู่เงิน USDCAD ในระยะสั้น คุณน้ามองว่ายังคงมีแนวโน้มขาขึ้นในระดับหนึ่ง โดยได้รับแรงหนุนจากความแตกต่างด้านนโยบายการเงินและสภาพเศรษฐกิจมหภาคระหว่างแคนาดากับสหรัฐฯ แม้ว่าทั้งสองธนาคารกลางจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในขณะนี้ แต่ BoC ดูจะใกล้เริ่มวัฏจักรการลดดอกเบี้ยมากกว่า Fed ซึ่งยังคงยึดท่าทีระมัดระวังจากความเสี่ยงเงินเฟ้อ

แรงกดดันจากการอ่อนตัวของฐานะสินทรัพย์ระหว่างประเทศของแคนาดา การลดลงของมูลค่าการลงทุนในสหรัฐฯ รวมถึงกระแสสาธารณะที่เริ่มลดการสนับสนุนมาตรการภาษีตอบโต้ ล้วนชี้ให้เห็นถึงความเปราะบางในภาวะพื้นฐานของดอลลาร์แคนาดา ในทางกลับกัน แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะชะลอตัวลงจากไตรมาสแรก แต่ก็ยังมีความแข็งแกร่งพอให้ Fed ชะลอการลดดอกเบี้ย และตรึงไว้ในระดับสูงต่อไปค่ะ

นอกจากนี้ ปัจจัยเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับจีน หรือวิกฤตในตะวันออกกลาง ยิ่งเสริมแรงให้เงินดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าผ่านความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งส่งผลต่อการลดบทบาทของน้ำมันในฐานะปัจจัยสนับสนุนค่าเงินแคนาดาค่ะ

อย่างไรก็ดี เว้นแต่ว่า BoC จะปรับท่าทีเป็นสายเข้มงวดมากกว่าที่ตลาดคาด หรือข้อมูลเศรษฐกิจแคนาดาจะออกมาดีเกินคาด คู่เงิน USDCAD มีแนวโน้มจะเคลื่อนไหวขึ้นสู่ระดับ 1.3750–1.3800 ในช่วงสัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งโดยรวมแล้ว คุณน้ามองว่าทิศทางของ USDCAD จะยังถูกกำหนดโดยความคาดหวังต่อนโยบายของธนาคารกลาง และอารมณ์ของนักลงทุนที่ได้รับอิทธิพลจากข่าวสารระดับโลกค่ะ

บทวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิค

ในเชิงเทคนิค USDCAD ยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบขาขึ้น โดยปัจจุบันราคากำลังเคลื่อนไหวสะสมใกล้แนวต้านที่ระดับ 1.3725 สะท้อนแนวโน้มขาขึ้นที่ยังแข็งแรงอยู่ โดยค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน แถว ๆ 1.3620 ทำหน้าที่เป็นแนวรับระยะสั้นได้ดี ขณะที่เส้นค่าเฉลี่ย 100 วัน ที่บริเวณ 1.3550 ยังคงเป็นจุดหมุนสำคัญสำหรับแนวโน้มระดับกลางค่ะ

ตัวชี้วัดโมเมนตัม เช่น RSI อยู่ในระดับกลางค่อนไปทางบวก ซึ่งยังมีพื้นที่ให้ราคาไต่ขึ้นได้อีกก่อนจะเข้าสู่ภาวะซื้อเกิน หากสามารถทะลุผ่านแนวต้าน 1.3725 ได้อย่างชัดเจน จะเปิดทางไปสู่ระดับ 1.3800 และหากผ่านจุดนี้ไปได้ ระดับเป้าหมายถัดไปอาจอยู่แถว 1.3860–1.3900

ในทางกลับกัน ถ้าราคาหลุดต่ำกว่า 1.3620 อาจส่งสัญญาณว่าทิศทางกำลังเปลี่ยน แต่การจะเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาลงได้นั้น อาจต้องหลุด 1.3550 ลงมาก่อน ซึ่งจะทำให้แนวรับถัดไปอยู่แถว 1.3460–1.3480 อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ราคายังอยู่เหนือแนวโน้มขาขึ้นระยะสั้น โอกาสในการปรับขึ้นยังถือว่าได้เปรียบอยู่ค่ะ

ข่าวเศรษฐกิจสำคัญที่ส่งผลต่อคู่เงิน USDCAD

สรุปวิเคราะห์ USDCAD

จุดน่าเข้า Buy

• Buy/ Long 1 : หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.3542 – 1.3592 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 1.3592 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3734 และ SL ที่ประมาณ 1.3517 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
• Buy/ Long 2 : หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3698 – 1.3748 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3873 และ SL ที่ประมาณ 1.3567 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                      

จุดน่าเข้า Sell

• Sell/ Short 1 : หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3698 – 1.3748 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 1.3698 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3592 และ SL ที่ประมาณ 1.3773 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
• Sell/ Short 2 : หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 1.3542 – 1.3592 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3456 และ SL ที่ประมาณ 1.3723 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

คำเตือน

การให้ข้อมูลการวิเคราะห์คู่เงิน Forex ทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค เป็นเพียงการให้ความรู้เกี่ยวกับข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาชักชวนในการลงทุนแต่อย่างใด เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจการลงทุน

สำหรับใครที่สนใจอ่านรีวิวโบรกเกอร์ : Review Brokers

บทความในเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจ : Investing

คลังความรู้จากคุณน้า : Knowledge